วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

ประวัติปฎิปทาหลวงปู่สรวง สิริปุญโญ

หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ 
วัดศรีฐานใน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
หลวงปู่สรวง สิริปุญโญ ได้เล่าให้สานุศิษย์ของท่านฟังว่า ท่านได้อดอาหารทำความเพียรอยู่ถึง ๒๘ วัน ในวันที่ ๒๘ ท่านได้มรณภาพไปเป็นเวลา ๓ ชั่วโมง ปรากฏว่าตัวท่านเองขึ้นไปโผล่อยู่บนสวรรค์ มองลงมาข้างล่างก็เห็นนรกขุมต่างๆ เหล่าสัตว์นรกกำลังเสวยวิบากกรรมที่ตนกระทำมา 

ท่านเล่าต่อว่าบนสวรรค์นั้นเหล่าเทวบุตรเทวดามีแต่คนสวยๆงามๆ ยิ่งขึ้นสวรรค์ชั้นที่สูงขึ้นไปเท่าไรเทวดายิ่งสวยงามมากขึ้นเท่านั้น เมื่อขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นหนึ่งท่านก็เห็นวิมานหลังหนึ่งใหญ่โตมาก เป็นวิมานที่สร้างด้วยทองคำ ประดับประดาด้วยแก้วและเพชรนิลจินดาต่างๆเต็มไปหมด

หลวงปู่สรวงจึงถามเทวดาว่าวิมานใหญ่โตนี้เป็นของใคร เทวดาจึงชี้มือลงมาให้ท่านดูที่โลกมนุษย์ ปรากฏว่าบริเวณนั้นคือบ้านขามเฒ่า จ.นครพนม ก็เห็นชายผู้หนึ่งชื่อพรหมา รังษี เป็นกำนันตำบลนั้น เทวดาบอกว่าวิมานนี้เป็นของนายพรหมา รังษี ท่านจึงถามเทวดาต่อว่าเหตุใดนายพรหมา จึงได้วิมานใหญ่โตนี้ ก็ได้ความว่า 

สมัยที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ออกธุดงค์อยู่แถวบ้านขามเฒ่า ในเขต จ.นครพนม ได้มีประชาชาเลื่อมใสศรัทธาท่านเป็นจำนวนมาก กำนันพรหมา รังษี พร้อมด้วยชาวบ้านจึงได้ช่วยกันสร้างศาลาปฏิบัติธรรมถวายท่าน ด้วยอานิสงค์ที่สร้างศาลาถวายหลวงปู่ศรี มหาวีโร ซึ่งเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี้ทำให้กำนันพรหมา รังษี ได้วิมานใหญ่โตหลังนี้บนสวรรค์

หลวงปู่สรวงเดินทางศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดถ้ำขาม จ.สกลนคร

. . . ช่วงที่อยู่ที่ถ้ำขามนั้น พระอาจารย์สรวงท่านเล่าว่า เสือมันร้องอยู่ตลอด ทำให้จิตไม่ค่อยเป็นสมาธิ เพราะกลัวเสือ วันหนึ่งหลังสรงน้ำหลวงปู่ฝั้น เสร็จก็ไปนวดเส้นท่าน หลวงปู่ฝั้น ถามว่า “ท่านภาวนากันยังไง ภาวนาแบบไหนไม่มีพุทโธ ระวังพวกช้างพวกเสือจะมาคาบไปกินหล่ะ” พอหลวงปู่ฝั้น พูดเสร็จ ก็ยิ่งทำให้ท่านเกิดความกลัวยิ่งขึ้น 

หลวงปู่ฝั้น จึงบอกว่า “ขยับมานี่ จะบอกคาถาลี้ช้างลี้เสือให้” 

จากนั้นหลวงปู่ฝั้น ก็มาจับที่มือ ตอนที่เราประนมมือไหว้อยู่ ชี้ลงที่กลางหน้าอก และบอกว่า “ให้เอาจิตจี้ลงไปตรงนี้ จี้ลงไปลึก ๆ อย่าให้มันออกไปที่อื่น ให้มันเข้าไปที่โครงกระดูกลึก ๆ โน่น ให้ทำทุกวัน อย่าให้มันส่งออกไปที่อื่น”

จากนั้นจึงได้ทำตามคำสอนของหลวงปู่ฝั้น พอกลับไปที่กุฏิก็ได้ยินเสียงเสือมันร้องอีก ก็เลยกำหนดตามคำสอน เอาจิตจดจ่อไปที่กลางอกเข้าไปที่กลางกระดูก พอจิตสงบก็เห็นโครงกระดูกทั้งร่าง ภาวนาต่อไปจนจิตมันสงบ มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว 

พระอาจารย์สรวง ท่านเล่าว่า “พอจิตมันเข้าไปอยู่ที่ตรงนั้นแล้วมันมีอำนาจมาก ไม่รู้สึกกลัวช้างกลัวเสือเลย มีแต่ความกล้าหาญ หากเราเคยทำกรรมกับมันไว้ก็ขอให้เสือมันกินเลย จะได้หมดเวรหมดกรรม” นี่แหละ หลังจากนั้นก็ไม่กลัวช้างกลัวเสืออีกเลย

ท่านได้เดินทางศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่วัดป่าอัมพวัน จ.เลย

. . . คืนหนึ่งท่านได้จับเส้นถวายหลวงปู่ชอบ หลวงปู่จึงถามถึงการทำความเพียรว่า “เอาจิตไว้ที่ไหน” จึงกราบเรียนท่านไปว่า

“หลวงปู่ฝั้น บอกให้ดูที่อก เอาไว้ในโครงกระดูกข้างใน กระผมจึงดูที่หัวใจตั้งแต่นั้นมา” หลวงปู่ชอบพูดว่า “เออดี ให้ทำอยู่ทุกวัน ทุกคืน ทุกลมหายใจเข้าออก ขอให้เร่งเร็ว ๆ ให้เดินหน้า อย่าถอยหลังนะ” 

พอจับเส้นเสร็จก็ออกจากกุฏิท่าน ไปเดินจงกรมต่อ ซึ่งทางจงกรมอยู่ไม่ไกลจากกุฏิหลวงปู่ชอบมากนัก สักครู่ได้มองเห็นแสงสว่างเจิดจ้าสว่างไสวพุ่งสู่ท้องฟ้าทางด้านกุฏิหลวงปู่ชอบอยู่ที่เนินสูง ๆ อีกสักครู่ได้ยินเสียงชาวบ้านตื่นตระหนกตกใจ พากันวิ่งกรูพร้อมถือถังน้ำ

ร้องเรียกไฟไหม้ ๆ กุฏิหลวงปู่ชอบ พอไปถึงกุฏิ หลวงปู่ชอบท่านออกจากสมาธิ แล้วบอกลูกหลานชาวบ้านว่า 

“พากันมาทำไม ไม่เห็นมีไฟไหม้ที่ไหน แสงไฟอันนี้ไม่มีพิษภัยกับใคร เป็นแสงศีลแสงธรรมนั่นเอง การที่เกิดเป็นแสงรัศมีโชติช่วงในบริเวณกุฏินั้นเป็นเพราะอานิสงส์จากการภาวนานั่นเอง

เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ปี พ.ศ.๒๕๕๖ เวลาประมาณตี ๔ ตี ๕ ขณะที่หลวงตาสรวง ท่านกำลังพักอยู่ภายในกุฏิ ได้มีเทวบุตร เทวธิดา จำนวนมากมายมหาศาล ลอยผ่านมาทางอากาศ เมื่อผ่านมาทางวัดศรีฐานใน ก็ลงมากราบนมัสการท่าน

แล้วลอยไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือต่อไปทางจังหวัดมุกดาหาร เป็นจำนวนมากเต็มท้องฟ้า มีเทวดาเป็นหมื่นเป็นแสนลอยอยู่เต็มท้องฟ้าเลย 

พอช่วงเช้า เวลาฉันจังหัน หลวงตาสรวง จึงได้เล่าเหตุการณ์นี้ให้พระสงฆ์ที่วัดฟัง เรื่องเห็นเทวดาจำนวนมากลอยอยู่บนอากาศ พอเมื่อเวลาสาย ๆ ใกล้ ๆ เที่ยง พระที่วัดจึงมากราบเรียนว่า มีโยมโทรศัพท์มาแจ้งว่า

“หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ท่านละสังขารลงเมื่อเวลา ๐๙.๐๙ น. ช่วงเช้าวันนี้เอง(วันเสาร์ที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๖)” หลวงตาสรวง ท่านจึงพูดว่า “มิน่าถึงได้เห็นเทวดามาจำนวนมากมายมหาศาลลอยมาทั่วทุกทิศทุกทาง ที่แท้ก็เพื่อไปรอรับหลวงปู่จาม เรานี่เอง”

โอวาทธรรม

“..ถ้าความเพียรของเรากล้า มันเผาได้หมดทุกอย่าง เผากิเลสได้หมด เผาความโลภ ความโกรธ ความหลง ออกจากหัวใจของสัตว์โลก เผาได้หมดทุกอย่าง ในร่างกายของเรานี้อะไรจะมาขวางไม่ได้ จะมาปิดบังไม่ได้..” 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Sample text

Sample Text

Sample Text

 
Blogger Templates